ในโลกที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด พลังที่ไม่ลดละกำลังแสวงหาการแก้แค้น โดยไม่หวั่นไหวต่อขอบเขตหรือศีลธรรม
ธี่หยด 2 (2024)
ธี่หยด 2 ภาคนี้เป็นเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากตัวละคร รวมทั้งการดัดแปลงโครงเรื่องบางส่วนจาก ‘ธี่หยด…สิ้นเสียงครวญคลั่ง’ นิยายภาคจบที่หยิบเอาเรื่องราวของลุงยักษ์มาขยายเป็นตัวละครหลักในภาคนี้ รวมเข้ากับตำนานปอบตาพวง ที่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในหนังสือวชิรญาณวิเศษ เล่มที่ 8 แผ่นที่ 10 ซึ่งถือเป็นเอกสารชิ้นแรกของสยามที่มีการบันทึกเรื่องราวตำนานของปอบตาพวง หรือผีปอบแห่งเมืองอุตรดิตถ์ ที่ถูกนำมาดัดแปลงด้วยการเพิ่มเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ และดัดแปลงให้กลายเป็นคาแรกเตอร์จอมขมังเวทย์ที่มีแบ็กกราวนด์เชื่อมโยงกับผีชุดดำ รวมเข้ากับเรื่องราวการออกผจญภัยไล่ล่าตาพวงและผีชุดดำ
ถ้าภาคแรกคือหนังสยองขวัญที่ขับเคลื่อนด้วยความน่ากลัวของผีชุดดำ ฉากโหดเสียวสันหลัง การดีไซน์เสียงคำว่า ‘ธี่หยด’ และเพลง “โปรดเถิดดวงใจ” ของ ทูล ทองใจ ที่กลายเป็นความหลอนหลังดูหนังจบ รวมทั้งเหตุการณ์และเส้นเรื่องที่คิดมาเพื่อเล่นกับโลเคชันบ้านของครอบครัวใน จ. กาญจนบุรี (และทำให้บ้านเหมือนเป็นตัวละครตัวหนึ่งไปด้วยโดยปริยาย) ส่วนภาคนี้มีความแตกต่างด้วยการขยายเรี่องราวออกไปผจญภัยนอกสถานที่มากขึ้น ตัวหนังก็เลยมีส่วนผสมของหนัง Action-Horror ที่ผสมกลิ่นความเป็นหนังผจญภัยในป่าอาถรรพ์เร้นลับที่แอบชวนให้นึกถึง ‘The Mummy’ (1999) หรือนิยาย ‘เพชรพระอุมา’ ในขณะที่โลเคชันโรงแรมก็ชวนให้นึกถึงบรรยากาศโรงแรมผีแบบ ‘The Shining’ (1980) ที่มีบรรยากาศแตกต่างออกไปจากภาคแรกมากพอสมควร
และมันก็ทำให้ภาคนี้กลายเป็น ‘ภาคแห่งการแก้แค้น’ ของพี่ยักษ์อย่างแท้จริงเลยครับ และเรียกว่าเปลี่ยนกันตั้งแต่วินาทีแรกของหนังด้วย เพราะเปิดมาเราก็จะได้เห็นพี่ยักษ์ในมาดของ แอช วิลเลียมส์ ใน ‘Evil Dead’ ที่ไม่ได้มีดีแค่ปืนลูกซองบรรจุลูกปืนพิสมร แต่เราจะได้เห็นณเดชน์ออกมาซัดผี คือซัดแบบประเคนหมัดเท้าเข่าศอกแบบไม่มียั้ง แถมอีกอย่างที่ตัวหนังขยายจากภาคแรกแล้วเอามาใช้ในภาคนี้ได้เต็มเบอร์ก็คือการดีไซน์ให้ผีพูดได้ แถมพ่วงด้วยคาแรกเตอร์พี่ยักษ์ที่แสนจะปากจัด ก็เลยทำให้เราได้เห็นพี่ยักษ์ออกมายืนด่าผีกันโต้ง ๆ เป็นอะไรเวรี่เซอร์เรียลแต่โคตรมัน
แล้วอีกอย่างที่ผู้เขียนทึ่งก็คือ แม้บรรยากาศมันจะเต็มไปด้วยความสยองเดือด ๆ ผู้กำกับก็ยังอุตส่าห์แทรกมุกจังหวะนรกผิดที่ผิดเวลา แต่ถูกจังหวะเอาไว้เรียกเสียงฮาตูมใหญ่ได้อีกต่างหาก เอากับเขาสิ แต่พาร์ตผีในโรงแรมนี่ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างกลับไปใช้แนวทางสยองแบบซีเรียสค่อนข้างเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะฉากของแม่เย็น หยาด และน้องยี่ที่ลุ้นหลังเกร็งเหมือนกัน ก่อนจะเจอกับจุดไคลแม็กซ์ที่กลับมาเป็น Action-Horror โดยเฉพาะช่วง 30 นาทีสุดท้ายนี่คือแบบว่านรกแตกสลัด ๆ เป็นการสู้ผีที่สะใจโคตร ๆ แต่ก็ยังมีพาร์ตดราม่าซึ้ง ๆ เกี่ยวกับครอบครัวเข้ามาแทรกอารมณ์ด้วยนิดหน่อย
อีกจุดที่ผู้เขียนชอบและดีไซน์ออกมาได้มันมาก ๆ ก็คือ การหยิบเอาความเป็นไสยศาสตร์ที่แทรกไว้เล็ก ๆ ในภาคแรก มาขยายเป็นพล็อตแฟนตาซีแบบไทย ๆ ตั้งแต่ตำนานผีสางนางไม้ เจ้าป่าเจ้าเขา รวมทั้งการเล่นกับไอเทมของขลังแบบไทย ๆ ที่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธกำราบผี จำพวกน้ำมนต์ ตะกรุด ง้วนดิน ฯลฯ ได้อย่างสนุกมือและเจ๋งมาก แถมยังทำออกมาไม่ดูกาวหรืองมงายดีด้วย รวมทั้งการมีจ่าปพันธ์ที่กลับมาทำหน้าที่เป็น Sidekick ให้ข้อมูลด้านไสยศาสตร์ให้กับพี่ยักษ์ ทำให้ตัวหนังเป็นการต่อสู้แนวแอ็กชันแฟนตาซีระหว่างจอมขมังเวทย์และภูติผีปีศาจ รวมถึงความเท่ของพี่ยักษ์ที่มีความเป็นแอนตีฮีโร่ที่ชวนให้นึกถึง จอห์น คอนสแตนติน ใน ‘Constantine’ (2005) อยู่นิด ๆ ด้วยเหมือนกันนะ
นักแสดง ธี่หยด 2
Nadech Kugimiya
Nutthatcha Padovan
Jelilcha Kapaun
Kajbhunditt Jaidee
ผู้กำกับ
Taweewat Wantha
รีวิวหนัง
รีวิวจาก beartai
จุดเด่น
- ใช้รากฐานจากภาคแรกมาต่อยอดเป็นหนังแอ็กชันสยองขวัญได้ระทึกและมันมาก ๆ
- จับเอาไสยศาสตร์แบบไทย ๆ มาเสนอในรูปแบบแฟนตาซีได้เร้าใจและดูน่ากลัว
- ณเดชน์คือ MVP ของภาคนี้อย่างชัดเจน พี่แฉะ องอาจ ก็เป็น Sidekick ที่มีความน่าสนใจ
- ในขณะที่น้องนีน่าคือ MVP ด้านฉากสยองขวัญที่เล่นได้เป็นธรรมชาติมาก
- งานภาพ เสียง โปรดักชันทำออกมาได้ดี สมราคารางวัลสุพรรณหงส์
จุดสังเกต
- พล็อตสยองขวัญสูตรสำเร็จที่ค่อนข้างดรอปจากภาคที่แล้วพอสมควร
- ไดอะล็อกบางส่วนที่ยังติดความเป็นละคร แต่นับว่าดีกว่าภาคแรก
- มีตัวละครค่อนข้างเทอะทะมากเกินไป และบางตัวละครดูมีความสำคัญน้อยไปหน่อย
คุณภาพด้านการแสดง / 7.8
คุณภาพโปรดักชัน / 7.7
คุณภาพของบทภาพยนตร์ / 7.2
ความบันเทิง / 7.8
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม / 8.3
ติดตามเราได้ที่ : Christinamandara